การศึกษาการสกัดสารจากใบ และก้านบัวกระดัง เพื่อศึกษาการออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ในการด้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น การยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา โดยการนำใบ และก้านบัวกระดังมาทำการแช่สกัดครั้งละ 10 ลิตร จำนวน 5 ครั้ง ที่อุณหภูมิห้อง ด้วยตัวทำละลาย Hexane, Ethyl acetate และ Ethanol ตามลำดับ พบว่ามี 96 yield ของสารสกัดหยาบจากใบบัวกระดัง ในตัวทำละลาย Hexane, Ethyl acetate และ Ethanol เท่ากับ 0.32 %, 1.25 % และ 10.87 % ตามลำดับ และ % yield ของสารสกัดหยาบจากก้านบัวกระดัง ในตัวทำละลาย Hexane, Ethyl acetate และ Ethanol เท่ากับ 2.87 96, 10.91 % และ 28.89 % ตามลำดับ โดยเลือกทำการศึกษาการออกฤทธิ์ในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันเฉพาะสารสกัดหยาบที่ให้ผล Positive ในการทดสอบ Shinoda test และ Ferric chloride test คือ LV-EtOH, LV-EtOAC, SV-EtOH และ SV-EtOAC แล้วทำการเปรียบเทียบความสามารถในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันเบื้องต้นกับ สารมาตรฐาน Ascorbic acid และ BHT ด้วยวิธี DPPH assay ทำการวัดปริมาณของ DPPH ที่ความยาวคลื่น 518 กา โดยใช้เครื่องวัดค่าการดูดกลืนแสง จากนั้นทำการทดสอบฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย S. aureus,B. subtilis, E. coli และเชื้อรา S. rolfsii และ A. brassicicola ด้วยวิธี Disc diffusion โดยนำสารสกัดหยาบจากใบ และก้านบัวกระดังในตัวทำละลาย Hexane, Ethyl acetate และ Ethanol (LV-EtOH,LV-EtOAC, LV-Hex, SV-EtOH, SV-EtOAC และ SV-Hex) พบว่า สารสกัดหยาบ LV-EtOH,LV-EtOAC, SV-EtOH และ SV-EtOAC มีความสามารถในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน การยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา จากนั้นทำการแยกสารสกัดหยาบ LV-EtOH, LV-EtOAC, SV-EtOH และSV-EtOAC ด้วยเทคนิค Column chromatography แล้วทำการรวมกลุ่มสารสกัดด้วยเทคนิค Thin layer chromatography โดยนำกลุ่มสารสกัดที่ได้จากการแยก มาทำทดสอบการออกฤทธิ์ในการต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน และการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย พ