บัวหลวงเป็นพรรณไม้น้ำของไทยที่พบได้ทั่วไป และมีความเกี่ยวข้องกับชีวิติของคนไทยมา ข้านาน มีการใช้ประโยชน์มากมายในแทบทุกส่วน บัวหลวงมีฤทธิ์ทางชีวภาพที่ดี และมีสรรพคุณทาง เภสัชวิทยารักษาในหลายกลุ่มอาการ ตามตำราแพทย์แผนไทย แพทย์แผนจีน และแพทย์แผนตะวันออก ใช้รักษาอาการท้องเสีย บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท บำรุงกำลัง ลดระดับน้ำตาลในเลือด แก้ร้อนใน กระหายน้ำ ถอนพิษไข้ แก้โรคหวัดเรื้อรัง ลดเสมหะ ลดความดันโลหิต การนำส่วนต่างๆของบัวหลวงมา ทำผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรบัวหลวง จึงนับเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสุขภาพการศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในส่วนต่างๆ ของบัวหลวง 10 ส่วน คือ กลีบดอก เกสร ใบอ่อน ใบแก่ ไหล เมล็ด ดีบัว รากบัว ก้านดอก และรังไข่ ด้วยวิธี DPPH radical scavenging assay ประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสชาสมุนไพรจากส่วนต่างๆของบัวหลวง 5 ตัวอย่าง และชาสมุนไพรบัวหลวงที่ใช้สมุนไพรแต่งสี กลิ่น ในด้านสี กลิ่น รสชาติ เนื้อสัมผัส และ ความชอบโดยรวม โดยให้คะแนนความชอบ 9 ระดับ (9- Point Hedonic Scale) ใช้ผู้ทดสอบจำนวน 100 คน และการศึกษาการยอมรับผลิตภัณฑ์ใช้ผู้ทดสอบจํานวน 30 คน ผลการศึกษาฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ พบว่ากลีบบัวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีที่สุด โดยมีค่า EC50 ต่ำสุดคือ 12.78±0.44 µg/ml รองลงมาคือก้านดอกมีค่า EC เท่ากับ 16.89±0.61 µg/ml ส่วนรังไข่และดีบัวมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระปานกลาง โดยรังไข่มีค่า EC30 เท่ากับ 37.70±1.28 µg/ml ส่วนดีบัวมีค่า EC50 เท่ากับ 46.40±0.12 µg/ml ส่วนรากมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระน้อยต่ำที่สุด โดยมีค่า EC50 เท่ากับ 68.04±1.11 µg/ml
ผลการประเมินคุณภาพทางประสาทสัมผัสชาสมุนไพรจากส่วนต่างๆ ของบัวหลวง 5 ตัวอย่าง คือ รากบัว เกสร กลีบดอก ก้านดอก และใบแก่ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ด้านกลิ่น รสชาติ ความขอบโดยรวม และคะแนนรวม ซึ่งพบว่าผู้บริโภคให้การยอมรับชาสมุนไพรจาก รากบัวมากที่สุด โดยมีคะแนน การยอมรับด้านลักษณะที่ปรากฏ 6.16 ด้านสี 6.30 ด้านกลิ่น 6.52 รสชาติ 5.95 ความชอบโดยรวม 6.43 และคะแนนรวม 6.27 สาเหตุเนื่องจากรากบัวมีกลิ่นหอม และ ไม่มีรสขม ผลการทดสอบชาสมุนไพรบัวหลวงที่ใช้สมุนไพรเพื่อแต่งสี กลิ่น พบว่ามีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทุกเกณฑ์การประเมิน ผู้บริโภคให้การยอมรับขาสมุนไพรบัวจากรากบัวมาก ที่สุดโดยมีคะแนนการยอมรับด้านลักษณะที่ปรากฏ 7.07 ด้านสี 7.31 ด้านกลิ่น 7.05 รสชาติ 7.07 ความชอบโดยรวม 7.26 และคะแนนรวม 7.15 ตามลำดับ สาเหตุเนื่องจากรากบัวมีกลิ่นหอม ไม่มีรสขม และการเติมดอกคำฝอยทำให้รากบัวมีสีเหลืองและกลิ่นหอมมากขึ้นการศึกษาเปรียบเทียบคะแนนการทดสอบทางประสาทสัมผัส ของผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรจากบัว หลวงทั้ง 2 ครั้ง โดยการศึกษาเปรียบเทียบสูตรก่อนและหลังเสริมสมุนไพรแต่งสี กลิ่น เพื่อให้ผู้บริโภค ยอมรับชาสมุนไพรจากบัวหลวงมากขึ้น ผลการศึกษาพบว่ารากบัว ก้านดอก ใบแก่ และเกสร มีความ แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ในขณะที่ กลีบดอกไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ทางสถิติ (p>0.05) ผู้ทดสอบยอมรับรากบัวมากที่สุด โดยค่าเฉลี่ยงทั้ง 2 ครั้งอยู่ที่ 6.272 ± 1.34 และ 7.152 ± 1.17 ตามลำดับ รองลงมาคือ เกสร โดยค่าเฉลี่ยงทั้ง 2 ครั้งอยู่ที่ 5.962 ± 1.38 และ 7.004 ± 1.35 ตามลำดับ และ ก้านดอก โดยค่าเฉลี่ยงทั้ง 2 ครั้งอยู่ที่ 5.738 ± 1.44 และ 6.890 ± 1.03 ตามลำดับ การศึกษาพบว่าชาสมุนไพรที่มีสีและกลิ่นที่ผู้บริโภคไม่ยอมรับ คือ สีคล้ำ รสชาติขม ไม่มี กลิ่นหอม แต่เมื่อมีการเติมสมุนไพรที่เหมาะสมลงไปทำให้ผู้บริโภคยอมรับมากขึ้น ยกเว้นกลีบบัวซึ่งมี รสขมเมื่อมีการเติมกระเจี๊ยบลงไปเพื่อเพิ่มสี นอกจากไม่สามารถลดความขมในกลีบบัวได้แล้วยังมีรส เปรี้ยวอีกด้วย การศึกษาการยอมรับผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรบัวหลวงพบว่าผู้บริโภคร้อยละ 77 ยอมรับ ผลิตภัณฑ์ขาสมุนไพรจากบัวหลวง และให้ข้อมูลว่าหากมีผลิตภัณฑ์นี้วางจำหน่าย ก็สนใจซื้อร้อยละ 63 การศึกษาวิจัยในครั้งต่อไปควรนำส่วนกลีบดอกซึ่งเป็นส่วนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระดีที่สุด (ECso = 12.8±0.5 µg/ml) มาทำผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรอาจไม่มีความเหมาะสม เนื่องจากขั้นตอนการทำ ผลิตภัณฑ์ขาอาจไม่สามารถทำให้รสขมซึ่งผู้บริโภคไม่ยอมรับหมดไปได้ การส่งเสริมให้ทำผลิตภัณฑ์ชนิด อื่นอาจมีความเหมาะสมมากกว่า เช่น บาร์ธัญพืช กะยาสารท หรือรับประทานสดเป็น เมี่ยงคำ ปรุงเป็น อาหารรสจัดประเภทต้ม แกงหรือยา ควรศึกษาวิจัยให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยศึกษาวิจัยให้ครบทุกส่วน ของบัวหลวง เพื่อคัดเลือกส่วนที่เหมาะสมมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรบัวหลวง ศึกษาฤทธิ์ต้าน อนุมูลอิสระอื่นๆ ของบัวหลวงให้ครอบคลุมมากขึ้น ได้แก่ สารประกอบฟีนอลิกรวม (total phenolic) สารแทนนิน (tanins), ฟลาโวนอยด์ (flavonoids), แอนโทไซยานิน (anthocyanin), วิตามิเอ (vitamin A), วิตามินอี (vitamin E) และวิตามินซี(vitamin C) และควรศึกษาฤทธิ์ทางชีวภาพ (biological activity) ชนิดอื่นๆ ของบัวหลวงเพิ่มขึ้น ได้แก่ ฤทธิ์ต้านมะเร็ง (anticancer) ฤทธิ์ต้านเบาหวาน (hypoglycemic activity) และฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและรา